วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

แผ่นเสียง...แผ่นแรก

...แผ่นเสียงชุด วอนแฟนเพลง ชุดนี้ ผมได้มาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 นั่นก็คือเมื่อ 2 ปีที่แล้วครับ เป็นจุดประกายที่ทำให้ผมเริ่มสะสมแผ่นเสียงพี่เป้านับตั้งแต่นั้นมาเลย
  ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเล่นแผ่นเสียงเลย ไม่ว่าจะของนักร้องท่านไหน เพราะที่บ้านฟังแต่ม้วนเทป และเมื่อเวลาผ่านไปก็พัฒนามาเป็น CD ก็มองข้ามแผ่นเสียงไปโดยปริยาย พอจะทราบข้อมูลอย่างเดียวว่าแผ่นเสียงนั้น เสียงจะออกมาไพเราะกว่าฟอร์แมตอื่น แต่ด้วยราคาแผ่นเสียงเองและโดยเฉพาะราคาเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ค่อนข้างสูง ผมจึงมิอาจที่จะคิดเก็บสะสมมัน แต่ในความรู้สึกลึกๆก็ชอบในรูปลักษณ์ของแผ่นเสียง ชอบในวิธีการเปิดแผ่นมากๆ นั่นคือการวางแผ่นลงบนเครื่องเล่น แล้วหยิบหัวเข็มวางลงไปบนแผ่น ผมว่ามันคลาสสิคมากๆ
...วันนี้เลยจะมาเล่าถึงที่มาที่ไปของการมาถึงมือผม ของแผ่นเสียงชุด วอนแฟนเพลง ชุดนี้ให้ฟังครับ

วอนแฟนเพลง

...คงเริ่มจากการเล่นเฟสบุ๊ค ที่ช่วงหลังๆผมได้เข้าไปติดตามกลุ่มซื้อ-ขายเทป CD ต่างๆมากมาย เพื่อตามเก็บผลงานเพลงของนักร้องที่ชื่นชอบ โดยเฉพาะพี่เป้า ที่นับวันตามท้องตลาดยิ่งจะหายากขึ้นทุกที แต่เชื่อไหมครับว่าพอได้เข้าร่วมกลุ่มเหล่านี้แล้ว ผมได้เจอผลงานเพลงเก่า-ใหม่ของพี่เป้าบ่อยขึ้นมาก นับว่าเป็นขุมทองของนักสะสมเลยทีเดียว วันนึงผมก็ได้เจอกับแผ่นเสียงของพี่เป้า แต่ว่าแน่นอนครับ ระดับศิลปินผู้ยิ่งใหญ่อย่างสายัณห์ สัญญา แผ่นเสียงแต่ละแผ่นราคาย่อมสูงตามไปด้วย ยิ่งผลงานเก่าๆสมัยที่พี่เป้ายังดัง เสียงยังไม่แหบด้วยแล้ว แผ่นเสียงแต่ละแผ่นนี่ราคาหลายพันบาท ตัวผมเองมองหาแผ่นเสียงราคาเบาๆไม่เกินพันสักแผ่นนึง เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้นเองครับ
...คือความตั้งใจแรกของผมเลย เพราะที่บ้านไม่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียง แล้วก็ไม่ได้คิดจะซื้อเครื่องเล่นแผ่นเสียงเลยในตอนแรก ตั้งใจซื้อเพียงรูปใหญ่ๆของพี่เป้าบนแผ่นเสียง และอยากได้เจ้าแผ่นกลมๆสีดำๆนี้มาชื่นชมกับมือตัวเองเพียงแค่นั้น แล้ววันนึงก็ได้เจอกับแผ่นเสียงชุดวอนแฟนเพลงชุดนี้ ซึ่งผมได้มาในราคา 600 บาท อาจเป็นเพราะเป็นแผ่นเสียงในยุคที่พี่เป้ากลับมาใหม่ นักเล่นแผ่นเสียงอาจจะไม่นิยมกันจึงทำให้ราคาไม่แพงมาก แต่ชุดนี้มีความหมายกับผมมากเพราะผมได้ฟังเพลงพี่เป้าจากพ่อที่ชอบฟัง ตอนผมเด็กๆพี่เป้าก็อายุเท่าที่เห็นในปกแผ่นเสียงนี้แล้ว นี่คือพี่เป้าในความทรงจำวัยเด็กของผมก็ว่าได้ เพราะผมไม่มีภาพจำสมัยที่พี่เป้ายังโด่งดังถึงขีดสุดนั้น ชุดวอนแฟนเพลงนี้ผมได้ฟังในวันแรกที่พ่อผมซื้อม้วนเทปมาแล้วแกะซีลเปิดฟังในรถตอนนั้นเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพลงในอัลบั้มนี้ต้นฉบับเป็นของชาตี ศรีชล รู้แต่เพียงว่าชอบเพลงชุดนี้ทั้งชุดเลย เพลงในชุดนี้มี 10 เพลงตามนี้ครับ

01.วอนแฟนเพลง
02.ซมซาน
03.อิ่มเมา
04.เมฆบังฟ้า
05.เมาเหล้าเมารัก
06.รักใครมาบ้าง
07.หลังคาแดง
08.ช้ำรักจากสุพรรณ
09.บัวหลวง
10.รอไม่ไหว

...ในเทปกับแผ่นเสียงจะเรียงเพลงไม่เหมือนกันครับ อันนี้ผมเรียงลำดับตามรายชื่อในแผ่นเสียงนะ ชอบที่สุดก็จะเป็นเพลง บัวหลวง เพราะชอบในความหมายของเนื้อเพลง ฟังเพลงบัวหลวง คลิกที่นี่เลยครับ
อีกหลายๆเพลงที่ชอบ เรียกว่าชอบทั้งหมดตั้งแต่ วอนแฟนเพลง ลงมาเลย เพราะวอนแฟนเพลง เหมือนเพลงแนะนำตัวพี่เป้าให้ตัวผม(ที่ยังเป็นเด็ก)ในตอนนั้นได้รู้จักพี่เป้า เหมือนกันว่าผมเกิดมาไม่รู้เรื่องราวในอดีต ไม่รู้จักว่านักร้องคนนี้เป็นใคร แล้วเขาก็ออกเพลงนี้มาแนะนำตัวแฟนเพลงคนใหม่อย่างผมด้วยเพลงนี้เลย
...หลังจากได้แผ่นนี้มาแล้วใจก็คิดว่าคงซื้อมาเก็บไว้แผ่นแรกและแผ่นสุดท้าย เพราะเราไม่มีเครื่องเล่น บอกกับแม่ด้วยว่าจะขอมีไว้แค่นี้เป็นของสะสมชิ้นหนึ่งเฉยๆ


จัดท่าถ่ายรูปกับม้วนเทปของพ่อ

...อาจจะเอามาติดผนังที่บ้านตั้งโชว์อะไรแบบนั้น แต่แล้วเหตุการณ์หลังจากนี้ก็มีชุดอื่นๆตามมาอีกเรื่อยๆด้วยความที่อดใจไม่ได้ รวมทั้งเครื่องเล่นแผ่นเสียง(ถูกๆ)ที่ซื้อตามมาและได้เปิดฟังเพลงจากแผ่นนี้ได้ในที่สุด 

หลงไหลในสีดำ

ฟังได้...ตั้งโชว์ได้



...สุดท้ายนี้ผมมีข้อมูลผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ที่ผมอยากจะขอขอบคุณที่ได้สร้างผลงานชุดนี้ออกมาให้ผมได้ฟังครับ

จัดทำ - แฟนตาซีไฮคลาส โดย ส.จ.มุนี อังกินันท์ ร่วมกับท็อปไลน์มิวสิค
จัดจำหน่าย - ไดมอนต์ สตูดิโอ
ผลงาน - ชาตรี ศรีชล /ไพบูลย์ บุตรขัน
ดนตรี - จิตรกร บัวเนียม
มิกซ์เสียง - ณรงค์ ศิลาลิขิต
ห้องบันทึกเสียง - จาตุรงค์

ป้ายกำกับ: , , , , ,

เพื่อน ตอนที่ 5 : เส้นทางจากประตูโรงเรียนก่อนขึ้นรถวัดทุ่ง Ep.2

ตอนที่ 5 : เส้นทางจากประตูโรงเรียนก่อนขึ้นรถวัดทุ่ง Ep.2 


   ... อุปสรรคไม่ได้มีไว้ให้ยอมแพ้ฉันใด ป้าจงต้มมาม่าต่อไปฉันนั้น...ไม่มีใครจะมาหยุดความมุ่งมั่นของพวกเราได้ และแล้วหน่วยเคลื่อนที่ด้วยพลังเสียงก็มีพลังเต็มพิกัด ที่จะมุ่งหน้าสู่จุดหมายของพวกเขา หลังจากออกเดินทางต่อได้สักระยะหนึ่งเราก็มาถึงสถานที่เย้ายวนใจอีกสถานที่หนึ่ง มันเป็นตึกขนาด 1 คูหา เด่นสะดุดตาด้วยประตูกระจกทั้งบาน ข้างในมีสินค้ามากมายหลายอย่างที่เหมาะจะซื้อไปฝากสาวๆ(หรือหนุ่มๆ) ใช่แล้วครับ ร้านกิ๊ฟช็อป ร้านนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ไม่เกี่ยวกันครับ ในเมื่อพวกเรามาถึงแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าไปทักทายเจ้าของร้านตามมารยาท 

หลักฐานยังอยู่เลย 555+
   เมื่อหน่วยของเราจู่โจมเข้าไป แน่นอนครับ มันทำให้เจ้าของร้านยิ้มแก้มปริ เพราะจำนวนคนในร้านเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แทบจะไม่มีพื้นที่ว่างกันเลยทีเดียว อย่างน้อยต้องขายได้สักชิ้นละน่า...ท็อปคิดในใจ เป้าหมายของเราไม่ได้อยู่ที่การซื้อของขวัญของฝากใครหรอกครับ เป้าหมายมันอยู่ชั้นสองครับ ร้านไอศรีมใกล้เคียงเซเวนเซ่นเลยทีเดียว เป็นธรรมดาที่ของคาวเรียบร้อยแล้ว จำเป็นจะต้องล้างปากด้วยของหวานซะหน่อย เมนูเด็ดได้แก่ ไอศรีมซันเดย์ครับ โจ๊กตื่นเต้นมากที่ได้เห็นมันครั้งแรก ไอติมอะไรฟะ ใส่กล้วยหอมทั้งลูกเลย แต่พอได้ชิมก็โอเคอิ่มดี พวกเขาทั้งเจ็ด ช่วยกันกินไอศรีมถ้วยนึงนั้นอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความสามัคคี การกินไอศรีมถ้วยนั้นมันมีนัยยะที่สำคัญต่ออนาคตของพวกเขาเลยทีเดียวนะครับ เพราะหากไม่รวมใจเป็นหนึ่งเดียว มันไม่มีทางหมดได้ด้วยช้อนเพียงคันเดียวโดยไม่ทะเลาะกัน มันจึงต้องมีการจัดระบบการกินที่ลงตัวมากๆ เสียงคำขอบคุณจากเจ้าของร้านตามหลังมาแผ่วๆ พวกเขาไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก เพราะการเข้ามาอุดหนุนร้านไอศรีมนี้นั้น พวกเขาไม่ได้คิดหวังสิ่งตอบแทนใดๆ แม้แต่คำขอบคุณ แต่ท็อปก็ยังยินดีกับเจ้าของร้านอยู่ในใจ...
     ออกจากกิ๊ฟช็อปร้านนั้นได้ไม่ไกล ก็ถึงเป้าหมายรองสุดท้ายที่เหมือนเป็นไคลแม็กซ์ของการเดินทางอันแสนยาวนานของพวกเขา กับร้านเล็กๆขนาดย่อมๆเปิดเข้าไปจะเจอเทปคาสเซทของศิลปินใหม่เก่าเรียงรายบนแผงข้างกำแพง เป็นมุมโปรดของลิงเลยทีเดียว แต่เขาจะมาเชยชมมันทีหลัง เผลอไปไม่ทันเสี้ยวนาที โภชและท็อปก็เดินเข้าสู่สังเวียน ด้วยความที่ไม่มีใครรู้เลยว่าสองคนนี้บาดหมางกันมาแต่หนไหน จะเป็นชาติภพที่แล้วหรืออย่างไร เขาสองคนจึงกระหน่ำท่าไม้ตายแบบคูณสิบคอมโบใส่กันไม่ยั้ง ยกแรกโภชเพลี่ยงพล้ำให้กับท็อปด้วยไม้ตาย โช ริว เคน! แต่พอยกสองท็อปโดนกระหน่ำแบบไม่ทันตั้งตัวจบด้วยพลังคลื่นเต่า(เอ่อ...ไม้ตายของริวท่านี้เรียกชื่อท่าอะไรนะ?)คงต้องตัดสินกันที่ยกสุดท้าย ส่วนหลงกับลิงก็กำลังฟาดแข้งกันอย่างดุเดือดกับ Winning Eleven 11 ประหนึ่งว่าแมตซ์นั้นเป็นวันแดงเดือด ขรึมกับจุ๊นยังคงยุ่งกับการมองหาอัลบั้มเพลงเพราะของใครคนหนึ่ง(ใครวะ?) ซึ่งมันอาจจะไม่มีอยู่เลย ส่วนโจ๊ก...ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่เหมือนใคร เขาจึงใจจดใจจ่อกับเกมส์สไปเดอร์แมนบนเครื่องซูเปอร์แฟมิคอม(เค้าเล่น PlayStation กันหมดแล้ว) หนึ่งชั่วโมงผ่านไป พวกเขาจึงเสร็จภารกิจจากการเล่นเกมส์ จึงมาสนใจที่แผงเทป ร้านนี้จัดวางเทปได้ไม่เหมือนใคร กับการวางเทปตามแนวกำแพง ซึ่งถ้ามองเข้าไปจะเข้าถึงจิตวิญญาณของคนแต่งร้าน ว่าคงจะเป็นอินดี้ ตามยุคอัลเทอร์เนทีฟในสมัยนั้น หลังจากชื่นชมแผงเทปว่าสวยงามแค่ไหน แม้จะยังไม่เข้าถึงจิตและวิญญาณก็ไม่เป็นไร ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาดูใหม่ หน่วยเคลื่อนที่ด้วยเสียง จึงเข้าสู่การเดินทางครั้งสุดท้าย....นั่นคือ การขึ้นรถวัดทุ่งนั่นเอง แน่นอนครับการขึ้นรถวัดทุ่งมันเป็นไปอย่างราบรื่นง่ายดาย เพราะอะไรน่ะหรอเพราะเค้ากลับบ้านไปกันหมดแล้วน่ะสิครับ โล่งเลยทีนี้ โหย Air Jordan ของลิงปลอดภัย 100% แต่ก่อนที่พวกเขาจะแยกทางกันไปในวันนี้ ลิงเปิดกระเป๋า NIKE ออกมาแบ่งเทปให้เพื่อนๆเอาไปฟังที่บ้านกันถ้วนทั่ว เพื่อนต่างด่าประจานว่า "สัสนี่...มึงตบเทปเขามาทำไมวะ" ตามด้วยเสียงบ่นงึมๆงัมเบาๆจากเพื่อนๆว่า...ขอบใจนะ♂♂♂♂♂♂♂

*คำเตือน ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะขอรับ*
 

ป้ายกำกับ: , , , , , ,

เพื่อน ตอนที่ 4 : เส้นทางจากประตูโรงเรียนก่อนขึ้นรถวัดทุ่ง Ep.1

เพื่อน ตอนที่ 4 : เส้นทางจากประตูโรงเรียนก่อนขึ้นรถวัดทุ่ง Ep.1
   แค่ชื่อตอนผมเองก็สนุกแล้วครับ เพราะเส้นทางนั้นช่างยาวไกล บางครั้งคุณอาจต้องใช้เวลาถึง ช.ม. จากประตูโรงเรียนไปขึ้นรถวัดทุ่ง(รถโดยสารประจำซอย) 
   ...เมื่อตัวเลขจากนาฬิกาดิจิตอลยี่ห้อ G-Shock รุ่นล่าสุด สนนราคาถึง 4,500 บาท บนข้อมือของลิง เด็กหนุ่มผู้มีอันจะโชว์เพราะว่ามีอันจะกิน บ่งบอกว่าขณะนี้เป็นเวลา 15:10 น.มันหมายถึงเวลาที่พวกตัวแสบห้อง อย่างพวกเขาจะได้เป็นอิสระภาพ จากตัวหนังสือ ตัวเลข ปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด ฯลฯ สิ่งแรกที่พวกเขาและลิงมุ่งหน้าไปหาก็คือ ร้านโชว์ห่วยหน้าโรงเรียน ร้านแรกอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียน ลิงมักจะหงุดหงิดเสมอเมื่อมายืนเลือกขนมที่ร้านนี้เพราะมันเต็มไปด้วยเด็กนักเรียนที่มารอขึ้นรถกลับบ้านทางถนนอ่อนนุช แน่นอนครับว่ารถที่เป็นความหวังของลิงและพวก รวมทั้งเด็กนักเรียนทุกคนที่นี่ก็คือ รถวัดทุ่ง คราใดที่มันคืบคลานมาถึงจุดนั้น นักเรียนทั้งหมดก็จะเฮโลกันขึ้นไปบนรถคันนั้น ลิงและพวกมองมันอย่างเอือมระอา มันช่างไร้ซึ่งความสะดวกสบาย อึดอัดและเร่าร้อน...

   ...ลิงคิดในใจว่ามันไม่คู่ควรกับเขาเอาเสียเลย ทำไมเขาจะต้องเอากระเป๋านักเรียนของ Nike ราคา 2,200 ของเขา ไหนจะรองเท้าบาสของ Air Jordan สีดำ-แดงที่เขาสวมอยู่ ขึ้นไปเบียดเสียดยัดเยียดในที่ๆมีทั้งกลิ่นเหงื่อเหม็นๆ และฝุ่นควันสกปรกซึ่งเสี่ยงต่อการที่ Air Jordan ของเขาจะถูกปองร้าย จากไอ้พวกนันยาง หรือบีเอ็มเทอร์โบถูกๆ(อย่างดีหน่อยก็โซดาโต้เห่ยๆ) ใช่แล้ว! เขาจะต้องเดินสวนทางขึ้นไปทางที่รถมันมา เพื่อที่ว่าจะมีที่นั่งริมบันไดดีๆ ทำให้ผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยแสนเข็ญจากการเรียนหนังสือ และปลอดภัยต่อ Air Jordan ของเขา นำพาตัวเขาและเพื่อนๆที่รักไปยังที่นอนอุ่นที่ๆบ้าน ลิงและพรรคพวกออกเดินทางไปในทันที แต่ทว่าเส้นทางนี้มีผู้คนมากมายเหลือเกิน เพราะคงไม่ใช่เขาคนเดียวซะแล้วที่มีความคิดฉลาดหลักแหลม ว่าแล้วลิงจึงนำกองกำลังผู้หิวโหย ประกอบไปด้วย หลง ขรึม จุ๊น โจ๊ก โภช และท็อป ข้ามถนนมายังหน้าประตูโรงเรียนอีกครั้งเพราะเขาคิดแล้วว่าฝั่งนี้ผู้คนหนาแน่นน้อยกว่าฝั่งโน้นมาก จากนั้นพวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย จากจุดนั้นมาได้ราว 10 เมตร (เท่านั้น) ก็ถึงจุดพักของกองกำลังผู้หิวโหย... 

   ...มันคือร้านโชว์ห่วยอีกร้านซึ่งดูมีฐานะกว่าร้านแรกนิดหน่อย เจ๊เจ้าของร้านนั้นมีเป็ปซี่แช่เย็นเป็นวุ้นๆรอพวกเขาทุกๆคน ขนมนมเนยแล้วแต่ใครจะสรรหาได้ในร้านเจ๊ ขนมยอดฮิตของกองกำลังผู้หิวโหยนั่นคือ ถั่วเหลืองหลอด มันๆเค็มๆดี กินกับเป็ปซี่วุ้นๆ โอย..เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เจ๊เจ้าของร้านก็ยิ้มอย่างพอใจ คิดดูสิ ถั่วเหลืองหลอด หลอดละ บาท แล้วพวกเขามีตั้ง คน กินคนละ ห่อคิดเป็นเงินโอ้โห!! เจ๊ได้ตั้ง 28 บาทเข้าไปแล้ว นี่ยังไม่รวมค่าเป็ปซี่เลยนะเนี่ย โจ๊กซดเป็ปซี่ขวดแรกหมดไปจึงเปิดขวดที่สองทันที ด้วยความที่กลัวเพื่อนแย่งจึงแกล้งอารมณ์ดี ร้องเพลงของ ดร.คิดส์ ออกมาว่า ไม่เกี่ยวกับใครซักคน….” หลงร้องท่อนต่ออย่างเข้าขากันทันทีว่า มันเกี่ยวแค่เราสองคน……” ว่าแล้วก็ทิ่มหลอดของตนเข้าไปในขวดเป็ปซี่ขวดใหม่ของโจ๊ก……..ซูดดดดดดด….หลงดูดเป็ปซี่แบบไม่เกรงใจ(ก็เราเพื่อนซี้อยู่แว้ว) โจ๊กคิดในใจว่าถ้าเป็ปซี่ขวดนี้หมดน่าจะเอาเก็บไว้ฟาดกบาลไอ้หลงซักทีสองที! แล้วค่อยให้มันจ่ายตังค์ 

   ...ร้านนี้เคยเป็นที่ปรับทุกข์ให้ขรึมมาแล้วเมื่อครั้งน้องหยิกพูดไม่เข้าหู ขรึมก็มานั่งซด สปายไวน์คูลเลอร์ คนเดียวจนโจ๊กที่วิ่งตามมาปลอบขอมันกินไม่ทัน ตอนนี้กองกำลังผู้หิวโหยได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่าหน่วยเคลื่อนที่ด้วยเสียงเพราะต่อไปนี้มันอิ่มแล้วและจะแย่งกันพูดไม่มีใครฟังใคร แม้แต่สาวๆที่เดินห่างถึง เมตรยังต้องกรี๊ด….และแหกปากไล่ด่าด้วยความรำคาญ หลังจากนั่งทานของว่างกันเต็มหน้าร้านเจ๊เป็นเวลาสัก 20 นาทีเห็นจะได้ จุ๊นจึงออกความเห็นว่าเราควรออกเดินทางกันต่อได้แล้ว แต่ก่อนจะเดินทางต่อไป ลิงมองเข้าไปในร้านข้างๆ ใช่แล้ว! มันคือร้านเครื่องเขียนของอาแปะที่เต็มไปด้วยเครื่องเขียนนิดหน่อยประมาณสัก 20 เปอร์เซ็นต์ ของเล่นประมาณ 10 เปอร์เซ็น ที่เหลืออีก 70 เปอร์เซ็นต์คือหนังสือการ์ตูนให้เช่า เยี่ยมเลย! หาหนังสือการ์ตูนอ่านกันดีฝ่า แล้วหน่วยเคลื่อนที่ด้วยเสียงก็บุกเข้าร้านอาแปะเต็มอัตราศึก อาแปะท่าทางดีใจที่ร้านของเขาวันนี้ลูกค้าเยอะดูคึกคัก… เวลาผ่านไปสัก 30 นาที หน่วยเคลื่อนที่ด้วยเสียง ก็ทยอยกันออกจะร้านอาแปะ พวกเขารู้สึกขอบคุณอาแปะที่ให้พวกเขาอ่านหนังสือโดยไม่เก็บตังค์หากแต่ก็เป็นเพียงความคิดเท่านั้นต่างคนต่างหวังเล็กๆว่าเพื่อนคนใดคนหนึ่งจะเอ่ยปากขอบคุณอาแปะแทนพวกเขา ความคึกคักหมดไปจากร้านหนังสือเช่าแล้ว ท็อปเหลียวไปมองที่ร้านหนังสืออีกครั้งเห็นอาแปะยุ่งกับการจัดหนังสือเข้าที่ ในขณะที่ลูกค้าสาวน้อยสองคนหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาจ่ายค่าเช่าจำนวน 10 บาท ท็อปดีใจแทนอาแปะที่มีคนมาเช่าหนังสือแล้วคนแรกในครึ่งชั่วโมงที่เขาเฝ้ามองสังเกตุดู

   …การเดินทางของพวกยังต้องดำเนินต่อไปเพื่อพ่อ แม่ พี่ น้อง ที่รอคอยอยู่(หรือเปล่า)ที่บ้าน พวกเขาเดินทางด้วยเสียงดังก้องถนน บางครั้งมีการเดินกลางถนนเมื่อไร้ซึ่งรถรา ซึ่งลิงคิดว่าเท่สุดๆ หลงก็ยังไม่ยอมน้อยหน้าออกเดินไปยังที่ที่อันตรายที่สุดของถนนนั่นคือ บนเส้นกลางถนนนั่นเอง หลงโชว์เพาวเวอร์ด้วยการเดินขณะที่มีรถวิ่งอยู่ เพื่อนๆต่างส่งเสียงร้องด้วยความชื่นชม ทันใดนั้นเองสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อรถทุกคันหายไปจากท้องถนน ไม่น่าเชื่อ! หลงนั่งลงบนพื้นกลางถนนนั่นเป็นเวลาถึง วินาที เขาทำเอาเพื่อนใจหายใจคว่ำ นายช่างกล้าหาญจริง หลงจึงได้ใจเพื่อนทุกคนไปครอง พวกเขาเดินมาร่วมๆ 30 เมตร ถึงทางโค้งรูปตัวเอส 

   ขรึมนึกขึ้นได้ว่าร้านอาหารตามสั่งตรงหัวมุมนี้ทำมาม่าผัดขี้เมาอร่อยสุดๆ จึงชวนพรรคพวกแวะกินกันที่นี่ พวกเขาสั่งอาหารกันคนละจาน บางคนสั่งมาม่าผัดขี้เมา บางคนสั่งมาม่าผัดซอสมะเขือเทศ จุ๊นกินหมดก่อนพวกจึงสั่งจานที่สอง ตามด้วยโภช และหลง จนแม่ค้าตะโกนด่าว่า จะสั่งก็น่าจะสั่งทีเดียว รู้ไหมว่าก่อนจะผัดมาม่ามันต้องต้มก่อน เสียเวลา! ♂♂♂♂♂♂♂

ป้ายกำกับ: , , , , , ,

เพื่อน ตอนที่ 3 : ขรึม

เพื่อนตอนที่ 3 : ขรึม 


   ศานิตย์ เป็นเพื่อนหนึ่งใน คน ที่ผมยกให้เป็นเพื่อนซี้ มันเป็นคนอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ แม่เป็นครู ส่วนพ่อมัน มันบอกว่าหน้าเหมือนพี่เบิร์ด อย่างที่บอกครับชื่อเล่นแท้จริงแล้วเขาชื่อว่า แนน แต่มาบอกเพื่อนๆว่าชื่อ แมน และผมก็เรียกมันว่าไอ้นิตย์ ต่อมาไปอยู่ชมรมบาสด้วยกัน วันนึงพวกผมโดดซ้อมกัน มีไอ้นิตย์มาซ้อมคนเดียว มันมาก็นั่งไม่พูดไม่จาจนรุ่นพี่กลัว และแล้วก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งชื่อ พี่ป๊อก มานั่งคุยด้วย ด้วยความที่ไม่ค่อยรู้จักกัน พี่ป๊อกเลยไม่รู้จักชื่อมัน เรียกมันตามอำเภอใจว่า ไอ้ขรึมมันจึงเป็นไอ้ขรึมนับจากนั้นมา 
   ไอ้ขรึมจะประเภทมีมาดหน่อย ฟอร์มจัดเหลือร้าย จะกังวลเรื่องหัวเถิกของมันมาก และที่จะอำมันอีกอย่างคือมันเป็นพวกเสือซุ่ม เป็นไอ้แอบครับ…..ใช่ครับแอบแต่ไม่ใช่แอบอย่างว่านะครับแอบรักครับ มันมักจะแอบชอบใครแบบเงียบๆ แบบว่าเพื่อนจะสงสัยแล้วค่อยมาจับตาสังเกตุมันจริงๆจังๆ ถึงได้รู้ว่ามันกำลังจีบใครอยู่ แต่ความรักมันเหมือนมีอาถรรพ์ครับ ม.ชอบกับเพื่อนในห้องชื่อนุชพอขึ้น ม.เขาก็ลาออก ตอนอยู่ทีมบาสโรงเรียนก็ไปชอบรุ่นพี่ที่ชมรม พอรู้อีกทีรุ่นพี่ผู้หญิงหน้าหวานคือ พี่หนิง คุณเธอดันชอบผู้หญิงด้วยกัน...เป็นทอมไปเสียนี่ พอเปิดเทอมใหม่มีรุ่นน้องเข้า ม.อยู่คณะสีเดียวกัน(สีน้ำเงิน) พี่ขรึมแกก็ไปแอบชอบรุ่นน้องอีก แต่สุดท้ายไม่รู้ไปไงมาไง รุ่นพี่ทอมหนิงกลายเป็นแฟนกับรุ่นน้อง ม.สาวสวยซะอย่างนั้น 
   ยังมีอีกครับ เรื่องเด็ดของนายขรึม ก็เป็นช่วง ม.อาจารย์จัดที่นั่งได้นั่งคู่กับน้องหยิก(ผมหยิกหน้าใส)หรือชื่อเล่นจริงๆคือปุ้ย ไม่รู้มันจีบเขาตอนไหน มันเป็นอะไรที่เพื่อนประหลาดใจมาก เมื่อทั้งสองคนนี้เป็นแฟนกัน ตอนแรกก็รักกันดี แต่ตอนหลังผมก็ไม่รู้สาเหตุ ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ทำให้นายขรึมของเราต้องอกหัก ดูๆไปแล้วก็น่าเห็นใจครับท่านผู้ชม เพราะท่าทางหยิกก็มีใจให้เจ้าขรึมอยู่ไม่น้อย น่าสงสารเพื่อนเหมือนกัน ก่อนที่ความรักของมันจะปิดฉาก ลงมีอยู่วันหนึ่งหลังเลิกเรียนมันไปส่งหยิก(บ้านหยิกอยู่ที่ซอยอุดมสุข สุขุมวิท 103) ผมก็ตามไปกับมัโรงเรียนผมอยู่สุขุทวิท 101/1 และทุกวันไอ้ขรึมก็ไปส่งหยิกที่ปากซอยเท่านั้น ด้วยความที่ทั้งสองคนมีปัญหากันอยู่เมื่อบอกลาหยิกแล้วไอ้ขรึมยังคงไม่สบายใจ ผมจึงชวนมันแอบสะกดรอยตามหยิกไปห่างๆ ไอ้ขรึมเองก็ไม่เคยไปบ้านหยิกเหมือนกันจึงไม่รู้ทางเราจึงต้องแอบตามไปแบบไม่ให้คลาดสายตา 
   สุดท้ายวันนั้นเราก็ได้รู้จักบ้านหยิก และเหมือนว่าหยิกก็รู้ว่าเราแอบตามมาที่บ้านเมื่อเธอถึงบ้านแล้ว เราสองคนมองเห็นเธอชะเง้อออกมาดูที่หน้าบ้านที่เรายืนอยู่ และถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดคุยกันแต่ผมก็ยังรู้สึกว่าไอ้ขรึมดีใจที่ได้รู้จักบ้านหยิก มันอาจดูเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ผมเข้าใจความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนอันนั้น บางทีในเวลาที่คนรักกันมีปัญหากัน ไอ้เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ก็สามารถทำให้สบายใจได้ 
   ยังมีอีกวันมันไปบ้านผม ตอนนั้นผมอยู่สุขุมวิท 101 ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านหยิก คุยกันไปคุยกันมาผมก็เห็นเพื่อนมันไม่ค่อยสบายใจก็เลยชวนมันขี่จักรยานไปบ้านหยิก มันก็ซ้อนไปกับผม แต่วันนั้นก็ได้แค่ขี่จักรยานวนไปวนมาหน้าบ้านหยิกแค่นั้นเองครับ แต่ที่เล่าให้ฟังเพราะผมยังรู้สึกดีใจที่เห็นเพื่อนมีความสุขและผมก็เต็มใจช่วยเพราะเราเป็นเพื่อนกัน ♂♂♂♂♂♂♂

ป้ายกำกับ: , , , , , ,

เพื่อน ตอนที่ 2 : การปรากฏตัวของถัง

เพื่อนตอนที่ 2 : การปรากฏตัวของถัง

  เมื่อจบการเรียนปรับพื้นฐานแล้วสิ่งที่ผมได้พบแปลกใหม่และไม่เคยเจอที่โรงเรียนภักดีฯ ก็คือการเดินเรียน การเดินเรียนคือการที่เราจะต้องเดินไปหาห้องเรียนที่กำหนดไว้ในตารางสอน เช่น หากเราจะเรียนวิทยาศาสตร์ เราก็จะต้องเดินไปที่ตึกวิทยาศาสตร์แล้วค่อยหาห้องเรียนตามหมายเลขในตารางสอน


  เวลานี้ห้อง 1/3 ของเราแบ่งออกเป็นกลุ่มประมาณ 3 – 4 กลุ่ม แต่เฉพาะผู้ชายก็มี กลุ่มใหญ่ๆ (ไม่รวมตุ๊ด) คือกลุ่มของพวกผมซึ่งมีแกนนำคือไอ้หลงกับไอ้จุ๊น และกลุ่มไอ้เปรมที่ออกจะนักเลงๆ หน่อยก็ไม่ค่อยถูกกัน เราก็สนิทกันทั้งไอ้หลง ไอ้จุ๊น ไอ้ขรึม ไอ้โจ๊ก(ผมเอง) ไอ้ลิง ไอ้แอ และเพื่อนที่มาสนิทกันทีหลังก็มี ไอ้ท็อป นาวี,ไอ้เต เตชิต,ไอ้ฟลุ๊ค รัตนตรัย,เอ็ดดี้ วิชัย ก็มีอะไรที่คล้ายๆกัน อย่างไอ้ท็อปนี่ก็บ้าการ์ตูนเหมือนผม แต่จะหนักกว่าเพราะมันรวยกว่าไง คือมันสะสมการ์ตูนเกือบทุกเรื่องของ BOOM COMIC แถมเป็นสมาชิกแบบว่าไม่ต้องไปเดินซื้อตามแผงหนังสือเพราะเขาจัดส่งให้ถึงบ้าน ไอ้เตนี่ก็เพี้ยนๆ หน้าขาววอกกว่าชาวบ้าน เพื่อนเคยถามว่า ทำไมมึงหน้าขาวจัง มันบอกว่ามันใช้ยาสีฟันดาลี่ล้างหน้า...แถมยังมีหน้ามาบอกว่าเย็นชื่นใจอีกต่างหาก แล้วยังบอกให้พวกผมลองใช้ ผมก็บ้าลองใช้ตามมันเหมือนกันเย็นดี


  ไอ้ฟลุ๊คนี่ตอนแรกผมเรียกมันว่าไอ้ตรัย แต่เพื่อนเขาเรียกฟลุ๊คกัน เออ ฟลุ๊คก็ได้ฟระ! บ้านมันอยู่ใกล้กับบ้านไอ้เตซึ่งใกล้กับโรงเรียน บ้านมันสองคนเลยกลายเป็นสำนักของพวกเราหลังเลิกเรียนเวลาไปรู้จะไปไหน เอ็ดดี้เป็นบุคคลที่กวนเบื้องล่างที่สุดในกลุ่มผมเลย (กวนเบื้องล่างเป็นนิยามจากอาจารย์สอนภาษาอังกฤษชื่ออาจารย์จริยาหมายถึง กวน TEEN มอบให้เอ็ดดี้เป็นคนแรก) มันกวนประสาทอาจารย์และพวกพ้องได้ทั้งชั่วโมงจนบางครั้งอาจารย์ต้องหยุดสอนเพื่อมาต่อล้อต่อเถียงกับมัน สนุกไปเลยไม่ต้องเรียน ^_^ นอกจากนี้ก็ยังมีเพื่อนต่างห้องคือไอ้แม็ก ไอ้นี่มาบ้านผมบ่อย(น้อยกว่าไอ้หลง)เวลามาพ่อผมจะเรียกมันว่าพี่เป้า(สายัณห์ สัญญา) เพราะมันเสียงแหบ กว่าจะเป็นเพื่อนกันก็เป็นศัตรูกันมาก่อนครับ


  ไอ้แม็ก เป็นนักดนตรีวงโยธวาทิตของโรงเรียนครับ เป็นมือกลอง แล้วแฟนไอ้หลงในตอนนั้น(เพื่อนผู้หญิงของพวกเราคนนึง) ชื่อเจน เธอก็เป่าอะไรสักอย่าง(ที่ผมไม่รู้จัก) อยู่ในวงด้วย แล้วไอ้แม็กนี่ก็แซวเจน ทำนองว่าเป็นเพื่อนกัน แต่มีอีกคนชื่อ มนัส เป็นเพื่อนไอ้แม็ก บังอาจมาจีบเจนแฟนหลง ไอ้เราก็โกรธแค้นแทนเพื่อนครับ ยกโขยงไปห้องซ้อมของวงโยธวาทิตเลย ชาย(เกือบ)ฉกรรจ์ 10 กว่าคนครับบุกเข้าไปราวกับจะไปปล้น ฆ่า ข่มขืน เขาซะอย่างนั้น จุดหมายคือไอ้แม็ก กับ มนัส นั่นแหละครับ ไอ้หลงถือมีดไปกะเล่นไอ้แม็กเต็มที่ โชคดีที่ถ้าจำไม่ผิดจะมีการพูดคุยกันก่อนแทงไอ้แม็ก ไอ้หลงมันก็เลยใจเย็นลง ก็ไม่รู้ไปปรับความเข้าใจกันตอนไหน ไอ้แม็กถึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเรา ที่ฮาๆก็มีไอ้แม็กนี่แหละครับ เวลาคุยกับใครเขา เขาก็ไม่รู้ว่ามันพูดอะไร ก็มันพูดเร็วโคตร แถมด้วยเสียงแหบๆ โอยเวียนหัว


  ไอ้โมทย์ เป็นเพื่อนเก่าของไอ้จุ๊น มันก็ห้าวพอกับไอ้จุ๊นเวลามีเรื่องก็อุ่นใจที่มีมันอยู่ แต่มีเรื่องเศร้าอยู่อย่างคือไอ้โมทย์นั้นจากพวกเราไปตอนอายุ 25 ปีหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว ด้วยอุบัติเหตุจากรถมอเตอร์ไซด์ ก็ขอให้เพื่อนไปอยู่ในที่ดีๆ ที่เพื่อนอยากไปนะเพื่อนส่วนเพื่อนอีกคนที่จะพูดถึง คือคนที่เข้ามาตอนเราเรียนไปครึ่งเทอมกันแล้ว...





  เรื่องมีอยู่ว่าพวกผมอยู่ ม.1/3 แล้วดันไปมีเรื่องกับห้อง ก็ไม่รู้ว่าหมั่นไส้อะไรกันมา 55  เวลาเดินเรียนเจอกันเป็นต้องมองหน้าแล้วก็เขม่นกัน แล้ววันที่เพื่อนคนนี้มาเข้าเรียนวันแรก มันเป็นคนที่ตัวใหญ่มาก แนะนำตัวกับเพื่อนทุกคนว่าเพิ่งย้ายมาจากพะเยา แล้วเขาคนนั้นคือ ... สมโภช ตอนนั้นมันไม่แนะนำชื่อเล่น แต่เพิ่งรู้ชื่อเล่นมันตอนไปเที่ยวบ้านว่ามันชื่อ ถัง แต่พวกเรามักเรียกมันว่า ไอ้โภช ช่วงบ่ายของวันนั้น มีการนัดประชุมสี ห้องของเราอยู่สีน้ำเงิน ก็ไปประชุมตามปกติ พวกเรามองหาเพื่อนใหม่ของเราแต่ก็ไม่มีใครเห็น ระหว่างการประชุม ไอ้ลิงซึ่งมันโดดประชุมได้วิ่งมาบอกว่า ไอ้โภชโดนพวกห้อง รุมเล่นงานอยู่ที่ตึก 4” พวกเราตกใจกันมาก หันไปมองที่ตึก แต่ก็ไม่เห็นอะไร ทุกคนเป็นกังวลกลัวว่าสมโภชจะได้รับอันตราย พอจบการประชุมพวกเราจึงรีบรุดไปที่ตึก ทันที ซึ่งประจวบกับสมโภชเดินลงจากตึกมาพอดี พวกเราจึงเข้าไปถาม เป็นอะไรป่าวโภช ไอ้ลิงบอกว่าโดนรุม” “เฮ้ย!!ไม่เปงไร มีเรื่องกันนิดหน่อยเอง จัดการหมดแล้ว” ดวงตาทุกคู่ที่อยู่ในที่นั้นต่างหันมองทางที่สมโภชเดินลงมา แล้วพร้อมใจกันพูดว่า..มันแน่เว้ยย สรุปว่าวันนั้นสมโภชโดนรุมตีด้วยไม้แบด แต่ก็เอาชนะมาได้ แล้วพวกผมก็ชวนมันมาอยู่กลุ่มเรานับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา♂♂♂♂♂♂♂

ป้ายกำกับ: , , , , , ,

เพื่อน ตอนที่ 1 : ตัวแสบห้อง 3

บทนำ : เพื่อน                                                                                              

  กว่า 20 ปีแล้วที่ผมเรียนจบชั้นมัธยมมา ต้องบอกว่าเป็นช่วงที่สนุกที่สุด กับการใช้ชีวิต ทั้งการเรียน การเล่นบาสเก็ตบอล และการมีเพื่อน ใช่แล้วครับสิ่งที่ผมจะบอกก็คือ ผมคิดถึงเพื่อน คิดถึงพวกมันทุกๆคน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนผมก็ยังรู้สึกว่ามันเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน มันเป็นความทรงจำที่ผมรัก บางครั้งในเวลานี้ผมก็ยังอยากให้พวกมันได้รับรู้ความเป็นไปของผม และผมก็อยากรู้ว่าพวกมันเป็นยังไงกันบ้าง


  มัธยม ของผมเริ่มในปี พ.ศ. 2538 ที่โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต ผู้คนแถวนั้นมักเรียกกันว่า วัดทุ่ง เพราะเป็นโรงเรียนวัด อยู่ติดกับวัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร หลังจากจบประถม ที่โรงเรียนภักดีวิทยา เพื่อนๆผมในตอนนั้นตื่นเต้นกับการสอบเข้าโรงเรียนมัธยมกันมากแต่ผมก็รู้สึกเฉยๆเพราะผมไม่ค่อยกระตือรือร้นสักเท่าไหร่ เรียนที่ไหนก็ได้ ไม่อ่านหนังสือ ไม่สนใจอะไรนอกจากเรียนไปวันๆ


  จนกระทั่งมีการจำหน่ายใบสมัครของโรงเรียนมัธยมต่างๆคุณครูแนะแนวก็ให้ทุกคนไปซื้อใบสมัครของโรงเรียนที่แต่ละคนอยากเข้าคนละ 1-3 ชุดเพื่อใช้ไปสมัคร จำได้ว่าผมไปที่วัดทุ่งกับเพื่อนประมาณ คน (จำได้ลางๆ)แต่คนที่จำได้คือ ธีระพัฒน์ ชื่อเล่นมันชื่อโอแต่ผมกับเพื่อนเรียกมันว่า ไอ้ลิง พูดง่ายๆคือไม่มีใครเรียกมันว่า โอ เลยที่โรงเรียนภักดีฯ แม้แต่ครูและอาจารย์ ผมเองก็ลืมไปเลยว่ามันก็มีชื่อเล่น ผมซื้อใบสมัครที่นี่ที่เดียว ผมเป็นเด็กในพื้นที่เขาจึงรับผมเข้าโรงเรียน แต่มีสอบคัดเลือกว่าจะได้เรียนในห้องที่เท่าไหร่ ผมได้ห้อง เป็นม.1/3 จากทั้งหมด 13 ห้อง และได้อยู่ห้องเดียวกับไอ้ลิงนี่แหละครับ ทำให้ผมจำมันได้คนเดียว ยังมีที่พอจำได้ว่ามาจากโรงเรียนเดียวกันก็มี เบิร์ด วิริยะ ,เอก วงศ์สถิตย์,โจ พรอนันต์ แต่อยู่คนละห้องกัน                                    


                                                *****************************


เพื่อน ตอนที่ 1 : ตัวแสบห้อง 3

  เมื่อเสร็จสิ้นการสอบก็มีการเรียนปรับพื้นฐาน สัปดาห์ เรียนปรับพื้นฐานนี่แหละครับสนุก ได้เจอเพื่อนใหม่เยอะเลย และเป็นเพื่อนที่จะต้องเรียนห้องเดียวกันไป ปี ผมก็นั่งคู่กับไอ้ลิงครับ ยังไม่รู้จักใคร ที่เริ่มเข้ามารู้จักก็จะมี สามารถ เป็นอิสลาม ท้วมๆ ดำๆหน่อย ณรงค์ชัย นี่ก็อ้วนดำครับเหมือนกันแต่พูดมากสุด ตอนเรียนปรับพื้นฐานเสร็จไม่นานมันบวชให้ญาติที่เสียชีวิต เลยหัวโล้นครับ ตอนนั้นมีข่าวเณรแอกำลังดัง เหมาะเลยครับ อ้วน ดำ หัวโล้น เพื่อนเลยพร้อมใจกันเรียกณรงค์ชัยด้วยชื่อใหม่ว่า เณรแอ หรือ ไอ้แอ ไม่รู้ใครตั้ง แต่ก็เรียกกันทั้งชั้นเลยครับ ปีเลยด้วย


  ตอนที่เรียนปรับพื้นฐานก็ได้เจอเพื่อน(แปลกๆ)ใหม่ๆ มีที่เด่นๆในห้องก็เป็น ไอ้จุ๊น สมบูรณ์  กับ ไอ้ขรึม ศานิตย์ ซี้กันครับนั่งคู่กันจนเขาว่าเป็นคู่เกย์ เพราะสมบูรณ์นั้นห้าวหาญโวยวาย มีชื่อเล่นว่าหนุ่ม (มันว่าหนุ่ม ศรราม) ฉายาก็คือไอ้จุ๊น หรือ ล่องจุ๊น ตามบทที่ศรราม(อีกเช่นกัน)เล่นละครตอนนั้น ไอ้จุ๊นนี่บ้า กบ สุวนันท์ ครับ มีรูปกบ สุวนันท์ในห้องด้วย(โรคจิตนิดๆ) ส่วนศานิตย์นั้นดูเรียบร้อย ติ๋มๆ ชื่อเล่นตอนแรกชื่อแมน ชื่อเล่น(จริงๆ)ชื่อแนน แต่บอกเพื่อนว่าชื่อ แมน โดนล้อพอสมควร ตอนแรกผมกับอีกหลายๆคนเรียกมันว่าไอ้นิตพอเริ่มเล่นบาสโรงเรียนตอน ม.พี่ที่ชมรมเรียกว่าไอ้ขรึม




และที่เด่นสุดๆช่วงปรับพื้นฐานจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ บุญหลง ครับ เพราะการเรียนปรับพื้นฐานต้องมีการขานชื่อ แค่ชื่อบุญหลงมันก็เด่นแล้วยังไม่พอ เรียนปรับพื้นฐาน สัปดาห์ สัปดาห์แรกไม่รู้ไปอยู่ไหนมา วันแรกอาจารย์เรียกชื่อบุญหลงเงียบ ยังธรรมดาเพราะคนที่สละสิทธ์ก็มักจะไม่มาเหมือนกันและเราก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร สักวันที่ อาจารย์เรียกชื่อบุญหลง… “หลงไปแล้วครับอาจารย์” ปากหมาคนหนึ่งพูด(ในห้องผมปากหมาหลายคนนะ) ตามด้วยเสียงหัวเราะของทุกคนในห้อง วันต่อมาจึงตอบด้วยความพร้อมเพรียงกันว่า มันหลงไปแล้วอาจารย์!!...5555”  



  และพอเริ่มสัปดาห์ที่ ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเขามานั่งหน้าผมประมาณ แถว ข้างซ้ายมือ ผิวของเขาดำขลับ แววตามันไม่น่าไว้ใจ ผมกับลิงคิดเหมือนกันว่ามันคงมาผิดห้อง แต่ใครจะเชื่อ เขาคือบุญหลง ทั้งห้องรู้พร้อมกันเมื่ออาจารย์เรียกชื่อ ยังไม่ทันที่ทุกคนจะตอบกลับอาจารย์ด้วยประโยคเดิม และคนที่เตรียมจะขำ(มานึกดูตอนนี้มันไม่เห็นขำตรงไหน...) มาครับ!” เขาตอบเสียงดังและยกมือขึ้น ทุกคนในห้องเงียบแล้วหันไปในทิศทางเดียวกับที่มันนั่งอยู่ มันน่ากลัวครับวันนั้นน่ะ มันตัวสูงกว่าเพื่อน ดำทมิฬ แถมตอนครูสอนมันกลับนั่งฟังซาวอะเบ้าว์...เหี้ยมสุดๆ พออาจารย์ออกไปผมกับลิงจึงรวมรวมความกล้า เรียกมันมานั่งใกล้ๆเพราะเห็นว่าไม่มีใครคุยด้วย มีอยู่ทีหนึ่งมันยื่นหูฟังให้ผมฟังด้วย โอ้โหครับ ฟังเพลงของหิน เหล็ก ไฟ เปิดดังซะด้วยเพิ่มความโหดเข้าไปอีก ชื่อเล่นเขาเขาว่า เค ครับ พอรู้จักทางบ้านแล้วก็รู้ว่าชื่อเล่น(จริงๆ)ชื่อไก่ครับ พวกผมก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแน่ กลัวเพื่อนจะไม่ชอบเลยเรียก ไอ้หลง ซะเ

ป้ายกำกับ: , , , , , ,

FanArt DBZ


...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่นชอบในการวาดรูปมาก โดยเฉพาะการวาดการ์ตูน ทุกครั้งที่เขาวาดรูปเล่นในห้องเรียน ก็มักจะมีเพื่อนๆเข้ามามุงดูรูปที่เขาวาด จนได้รับคำชมอยู่เสมอ เวลาที่โรงเรียนมีจัดการประกวดวาดรูป เขามักจะได้รางวัลกลับมาเกือบทุกครั้ง ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับรางวัลชนะเลิศ เป็นบัตรเข้าชมสวนสนุกซาฟารีเวิร์ด ฟรี ใบ แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่ได้ไปเที่ยวสวนสนุกนั้น ได้แต่เก็บบัตรฟรี ที่เป็นเสมือนโล่ห์รางวัลที่เขาภูมิใจเอาไว้ในตู้โชว์ตลอดมา เขาชอบวาดการ์ตูน โดยเฉพาะเรื่องดราก้อนบอล ซึ่งเป็นเรื่องโปรดของเด็กผู้ชายในสมัยนั้น เขาวาดมันลงไปในสมุด หนังสือเรียนทุกเล่ม ทุกหน้า หลายครั้งที่โดนคุณครูทำโทษเพราะทำหนังสือเรียนสกปรก ดราก้อนบอลเป็นแรงบันดาลใจให้เขาแต่งการ์ตูนขึ้นมาหลายเรื่อง แต่เขาไม่สามารถวาดมันจนจบได้เลยสักเรื่องเดียว เพราะครั้งหนึ่งระหว่างที่เขาแต่งการ์ตูนนั้น เขาได้แต่คิดว่า...เขาจะทำไปทำไม ในเมื่อไม่มีใครมาภูมิใจกับเรื่องของเขา เขาถามตัวเองว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันคืออะไร สิ่งที่เขารัก ที่ชอบ มันไม่สามารถจะทำให้เขามีกินมีใช้ได้หรอก เขาไม่รู้เลยว่าสังคมที่เขาอยู่นั้น มีสถานที่ที่สอนเรื่องการวาดรูป มีคนหลายคนที่หากินจากการวาดรูป ตอนนั้นเขาไม่รู้เลย รู้แต่เพียงว่า ถ้าอยากประสบความสำเร็จในด้านนี้ คงต้องไปเกิดที่ญี่ปุ่น แบบ อ.โทริยาม่า คนวาดดราก้อนบอลเท่านั้น

แอนดรอยส์ SAGA

ศึกประลองพลัง : ดราก้อนบอลซุปเปอร์

Kamehame HAAA!

ราดิซกับโงกุน

ไปดาวนาเม็ก!

โงกุนเด็ก ปีนหอคอยคาริน

รวมเหล่าร้าย

นักรบ Z

Buu SAGA part 1

Super Vegeta Blue

หนุ่มน้อยโกฮัง

ไดโนเสาร์เพื่อนยาก

ชาวไซย่าวัยเยาว์

หมัดไคโอ!

Majin Vegeta

God!!

Cell Number 2

Saiyanjin SAGA

หน่วยรบพิเศษกีนิว

หน่วยรบประจัญบาน

ข้าจะล้างเผ่าพันธุ์แห่งชาวไซย่า!

ซาบอน & โดโดเรีย

ชาวไซย่า...บุก!

วาดเลียนแบบภาพที่ชอบมาตั้งแต่เด็กของ อ.โทริยาม่า

ฟรีสเซอร์ SAGA

โกคูแบล็ค!

Goku Kids

Super Saiyan

Buu Buu and Buu

มาการิต้า

คู่แค้น

เบจิต้า และ ซาบอน

ฟรีสเซอร์ร่าง 2

เบจิต้า VS เซลร่าง 2

Son Goku

Son Goku

เด็กหนุ่มผู้มาจากอนาคต

ฟรีสเซอร์จอมทำลายล้าง

ราดิซ SAGA

ทรั้งภาคซุปเปอร์

ส่งนม

Buu SAGA Part 2

เหล่ามนุษย์ดัดแปลง

ภาพนี้ชอบมาก เลยใช้วิธีดราฟเก็บรายละเอียดมาครับ

...หลายปีผ่านมา เด็กชายคนนั้นก็ทิ้งการวาดรูป เขาทำงานเหมือนๆกับที่คนอื่นทำกัน หลายครั้งที่เขามีโอกาสวาดรูปเพื่อใช้ในที่ทำงานของเขา แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะกลับไปวาดรูปเหมือนเมื่อก่อน เพียงเพราะเขาคิดว่า...มันใช้หากินไม่ได้ ปัจจุบัน แม้เขาจะรู้ดีว่า สิ่งที่เขาชอบมันไม่ได้สร้างรายได้อะไรให้เขา แต่ด้วยใจที่รักและมีความสุขที่ได้จับดินสอวาดรูปอีกครั้ง ประกอบกับปัจจุบันมีการเกิดขึ้นของสื่อออนไลน์ ทำให้อย่างน้อยๆ เขาก็มีช่องทางที่ให้ได้อวดผลงานของเขาสู่สายตาเพื่อนๆ คนอื่นๆทั่วไปบ้าง ส่วนช่องทางการทำเงินนั้น แม้จะริบหรี่แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความหวัง ตอนนี้เขากลับมาพยายามอีกครั้ง โดยไม่ได้ยึดติดกับการขายผลงาน แต่เพียงเพื่อให้ได้ลิ้มรสชาดความสุข ระหว่างทางที่เขาเริ่มจรดปลายดินสอลงบนกระดาษ...จนกระทั่งรูปวาดการ์ตูนเด็กๆรูปนั้นนั้นสำเร็จเสร็จสิ้นลง แค่นี้ก็คือห้วงเวลาแห่งความสุขของเด็กชายในร่างผู้ใหญ่คนนั้นแล้ว

ป้ายกำกับ: , , , , ,